Category Archives: ข่าว สาระรอบตัว

วแดง ที่เคยใช้

รุ่นนี้ 3 พันกว่า


รุ่นนี้ 1700 บาท สวย น่าสนใจ

Leave a comment

Filed under ข่าว สาระรอบตัว

โลกวันนี้(2)

 

ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถนำไปต่อยอดทางความคิดได้เยอะครับ เส้นผมบังภูเขา

Leave a comment

Filed under ข่าว สาระรอบตัว

โลกวันนี้

MAN FORM THE FUTURE


MAN FORM THE FUTURE

หลายสิบปีที่ ผ่านมา มีข่าวลือมากมายถึงเรื่องมนุษย์จากอนาคต ปรากฏกายขึ้นในโลกปัจจุบันหรือช่วง เวลาที่เป็นอดีตกาลของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นจอห์น ไตเตอร์ นายทหารจากโลกอนาคตเดินทางย้อนเวลาตามหาเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM รุ่นแรก แอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน ผู้ใช้ความรู้ทางประวัติศาสตร์สร้างผลกำไรมหาศาลจากตลาดหุ้นและการลงทุน หรืออีลอย โคล เดินทางมายับยั้งการทดลองการสร้างหลุมดำจำลองที่นำไปสู่หายนะของโลกในอนาคต

เรื่อง เล่าของคนเหล่านั้นเป็นที่กังขาของคนส่วนใหญ่เพราะขาดวัตถุหลักฐาน ยืนยัน จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีคนสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติในภาพ ถ่ายอายุ 70 ปีของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศแคนาดา เป็นภาพคนแต่งกายทันสมัยถือกล้องถ่ายภาพขนิดพกพายืนอยู่ท่ามกลุ่มคนและภาพ นี้ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าเป็นภาพถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบ แต่งแต่อย่างใด

Image

คอมพิวเตอร์กู้โลก

จอห์น ไตเตอร์ (John Titor) ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในห้องพูดคุยสาธารณะแห่งหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2000 โดยครั้งแรกเขาได้ลงทะเบียนชื่อว่า “Timetravel_0” และได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ “John Titor” ในภายหลัง

แน่ นอนว่าชื่อ John Titor เป็นนามแฝง John เป็นชื่อสามัญเหมือนกับชื่อ สมชาย ของคนไทย ส่วน Titor เป็นคำย่อของคำว่า Time Travelor โดยเล่นคำสะกดพยางค์สุดท้าย Travelor ด้วย or แทนที่จะเป็น Traveler สะกดด้วย er

Image

เขา ออกตัวว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากอนาคตเมื่อปี 2036 ด้วยเครื่องย้อนกาลเวลาที่ผลิตขึ้นในปี 2034 โดยบริษัท GE (General Electronic) เพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง จอห์นได้โพสต์ภาพถ่ายเครื่องย้อนกาลเวลา (Time Machine) และคู่มือการใช้งานเครื่องให้ทุกคนได้เห็น

Image

แน่ นอนว่าผู้คนที่เข้าร่วม วงสนทนาไม่เชื่อน้ำมนต์ของนายจอห์น ไตเตอร์ หลายคนพยายามยิงคำถามต่างๆนานาเพื่อจับผิดเขา แต่ดูเหมือนจอห์นจะสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ทั้งหมด แถมยังสอนมวยกลับมายังคนลองภูมิอีกด้วย

หลายๆคำถามที่จอห์น ไตเตอร์ ยิงกลับมายังผู้ร่วมสนทนา ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เมื่อไปค้นคว้าดูในภายหลังพบว่ามันล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ชั้น สูงทั้งสิ้น อีกทั้งคำเตือนเรื่องจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคสมองฝ่อ (Mad Cow Disease) ได้เกิดขึ้นจริงในปี 2001 ทำให้หลายคนชักจะลังเล

ร่ำรวยด้วยความรู้ประวัติศาสตร์

เดือน มกราคม 2003 หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์ (Weekly World News) ตีพิมพ์ข่าวเจ้าหน้าที่ FBI บุกจับกุมตัวแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน (Andrew Carlssin) วัย 44 ปี ในข้อหานำข้อมูลลับภายในไปแสวงหาผลประโยชน์ในตลาดหลักทรัพย์

Image

สำนัก งานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Security and Exchange Commission) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายแอนดรูว์ โดยสงสัยว่าเขานำข้อมูลลับของบริษัทมหาชนต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ไปแสวงหาผล ประโยชน์ให้กับตนเอง เพราะแอนดรูว์สร้างความร่ำรวยในเวลาเพียงชั่วพริบตาด้วยการลงทุนเพียง 800 ดอลลาร์ซื้อหุ้นต่างๆแล้วขายออกไป นำเงินที่ได้กลับมาซื้อหุ้นตัวใหม่แล้วทำชอร์ตเซลขายออกไปอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเงินทุนเริ่มต้น 800 ดอลลาร์เพิ่มพูนขึ้นเป็น 350 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

แอ นดรูว์รับสารภาพโดย ให้การว่าเขามีข้อมูลว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นในช่วงเวลานั้น เพราะเขามาจากโลกอนาคตในปี 2556 เขาเพียงศึกษาประวัติศาสตร์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ นำความรู้ที่ได้ติดตัวเดินทางย้อนอดีตมาในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อช้อนซื้อ หุ้น

เดิมทีนั้นเขาตั้งใจจะลงทุนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต หากแต่ความโลภทำให้เขาหักห้ามใจไม่อยู่ เทเงินที่หามาได้ในช่วงแรกๆลงทุนซื้อหุ้นที่เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะมีราคา สูงขึ้น จนกระทั่งไปสะดุดตาเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ล.ต.

หายตัวอย่างลึกลับ

แอ นดรูว์หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างที่ตำรวจควบ คุมตัวขึ้นศาลพร้อมกับข่าวคราวการจับกุมตัวเขา ไม่มีสื่อใดๆเสนอข่าวนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. และ FBI เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนปฏิเสธตรงกันว่าไม่เคยได้ยินชื่อแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน มาก่อน

Image

ปี 2006 แอนดรูว์โผล่ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์อีกครั้ง เขาไม่ยอมเปิดเผยว่าสามารถเล็ดลอดจากการควบคุมตัวมาได้อย่างไร โดยบอกแต่เพียงว่าตอนนี้เขาทำงานบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งหนึ่งใน แคนาดา

เช่นเคย เขาใช้ข้อมูลที่เป็นประวัติศาสตร์ในยุคสมัยเขาล่วงรู้ว่า “ทรายน้ำมัน” (Tar Sands) เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่จะมาทดแทนบ่อน้ำมันตามที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะทรายน้ำมันอัลเบอร์ตา (Alberta Tar Sands) ของประเทศแคนาดาเพียงแห่งเดียว สามารถผลิตน้ำมันได้มากถึง 3 แสนล้านบาร์เรล

Image

การ รีดน้ำมันออกมาจากทรายนั้นไม่ง่ายเหมือนกับการขุดเจาะน้ำมันทั่วๆไป เขาต้องสร้างเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า “คาร์ลส์ซินนิซิตี้” (Carlssinicity) เพื่อใช้ในการแยกน้ำมันดิบออกจากทราย โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ดอลลาร์ต่อ 1 บาร์เรลเท่านั้น

เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียงหนังสือ พิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์เท่านั้นที่ลงเรื่องราวของแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน และหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้รับสมญานามว่าเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทลงข่าวโคมลอย เพื่อความบันเทิง (Entertainment Tabloid) อย่างไรก็ตาม มันเป็นความบังเอิญอย่างน่าประหลาดที่ต่อมาในปี 2008 สำนักงานพลังงานหลายแห่งทั่วโลกยอมรับว่าสามารถแยกน้ำมันดิบออกจากทราย น้ำมันได้จริง ซึ่งมันจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในอนาคต และ ทรายน้ำมันอัลเบอร์ตาเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

Image

หยุดยั้งโครงการหลุมดำ

เมื่อ ไม่กี่วันที่ผ่านมา หน่วยรักษาความปลอดภัยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปสามารถจับ กุมตัวอีลอย โคล (Eloi Cole) ระหว่างพยายามก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hardon Collider) ของห้องทดลองเซิร์น (European Organization for Nuclear Research; CERN) ซึ่งกำลังทำการทดลองสร้างหลุมดำจำลอง (Black Hole)

อี ลอยให้การว่าเขาลอบเข้ามาในห้องทดลองเพื่อหาแหล่งพลังงานให้กับเครื่องเดิน ทางข้ามเวลาของเขา และเตือนว่าการทดลองสร้างหลุมดำจำลองนี้นำไปสู่การสร้างแหล่งพลังงานที่มี อย่างไม่จำกัดในอนาคตอันเป็นการนำไปสู่หายนะของโลกในที่สุด

อีลอยยัง บอกอีกด้วยว่าเขาเองเป็นคนที่ก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 ทำให้เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่มีอุณหภูมิสูงขึ้นจนอาจก่อให้เกิดอันตราย ทำให้นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องหยุดการเดินเครื่องชั่วคราว

เหตุการณ์ ในครั้งนั้นนักวิทยาศาสตร์พบว่าต้นเหตุคือเศษขนมปังชิ้นเล็กๆหลุด เข้าไป เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ โดยเข้าใจว่ามีนกคาบเศษขนมปังบินผ่านเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้วทำเศษขนม ปังหล่นลงมา

ระหว่างที่อีลอยถูกควบคุมตัวในห้องขังเพื่อรอการส่งตัว ไป ยังสถานบำบัดโรคทางจิต เขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับบนสถานีตำรวจกลางกรุงเจนีวานั่นเอง

Image

หลักฐานชิ้นสำคัญ

เดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ได้แสดงนิทรรศการภาพถ่าย เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในอดีตผ่านทางภาพถ่ายโดยหนึ่งในภาพถ่ายนั้นเป็น ภาพกลุ่มคนมุงดูเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 1941

Image

ท่าม กลางฝูงชนในภาพ มีชายคนหนึ่งแต่งกายผิดแผกแตกต่างไปจากผู้คนในยุคสมัยนั้น โดยเขามีทรงผมล้ำสมัย สวมแว่นตาดำ ใส่เสื้อยืดสวมเสื้อแจ๊กเกตทับ อันเป็นแฟชั่นในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เมื่อ 70 ปีก่อน แต่ที่สำคัญกว่าการแต่งกายคือชายคนนี้ถือกล้องถ่ายรูปพกพาที่ยังไม่ผลิตออก จำหน่ายในสมัยนั้น
ภาพ ถ่ายใบนี้เป็นภาพถ่ายโบราณของพิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ไม่ใช่ภาพถ่ายทั่วๆไปที่คนมือบอนจะนำตบแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์กราฟิคได้พิสูจน์แล้วว่าภาพนี้เป็นภาพ ถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบแต่ง มันจึงถูกกล่าวขานว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่ามีคนจากอนาคตเดินทาง ย้อนเวลามาสู่อดีตจริง

ภาพ ถ่ายภาพนี้จึงกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ใน สังคมอินเทอร์เน็ตตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลายคนพยายามสืบค้นว่าบุคคลแปลกปลอมในภาพถ่ายเป็นใคร มาจากไหน ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องการเดินทางย้อนเวลาก็พยายามหาข้อมูลมาหัก ล้าง ซึ่งผลการดีเบตระหว่างคน 2 ฝ่ายนี้จะเป็นอย่างไรเราก็ต้องคอยติดตามข่าวกันต่อไป

เครดิต Mthai

 

แล้วอันนี้อีกอันนะครับ เปนไปได้มั้ยว่า Back to the future จะเปนเรื่องจริง ??

 


Leave a comment

Filed under ข่าว สาระรอบตัว

เหตุเกิดเพราะ ต้นเดือน นาซ่าออกมาพูดเรื่องนี้

ข่าวที่มากระทู้นี้ คลิก

เนื้อหาครับ

…ความลี้ลับในจักรวาล ยังคงเป็นเรื่องที่ลับต่อไปสำหรับพลโลกทั้งหลาย สหรัฐอเมริกา และ รัสเซีย เป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดในเรื่อง มนุษย์ต่างดาว และ UFO ตลอดจนเรื่องสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า สามเหลี่ยมมรณะ แต่ทั้งสองประเทศก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงใดๆ ปล่อยให้ความจริงทั้งหมดถูกดองเค็มไว้ใน”แฟ้มดำ”ตลอดไปชั่วนิรันดร์ ทำให้ชาวโลกต้องค้นคว้าหาข้อมูลกันเอง ต้องทนดู close encounters of the Third kind ภาพยนต์สะท้อนพฤติกรรมของมนุษย์ต่างดาว ของสตีเวน สพีลเบอร์ก อย่างสุขใจในระดับหนึ่ง แต่วันนี้คนไทยที่ใฝรู้ในเรื่องดังกล่าวพอจะลืมตาอ้าปากได้แล้วเพราะเรามี ศ.ดร.เทพนม เมืองแมนเป็นผู้ไขความลับในเรื่องนี้ เพราะท่านสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวทาง โทรจิต(Telepathy) ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีครับที่ความลี้ลับในจักรวาลจะได้ถูกเปิดเผยขึ้นบ้าง

“มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือเปล่า?”
เป็นหนึ่งในคำถามโลกแตกที่มีหลายคนสนใจอยากรู้คำตอบ และหนึ่งในผู้ที่ต้องการพิสูจน์
จนนำไปสู่การศึกษาค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับ “มนุษย์ต่างดาว” ก็คือ ศาสตราจารย์ ดร.นพ.
เทพนม เมืองแมน

ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน
เป็นแพทย์ชาวไทยคนแรกที่เชี่ยวชาญเรื่องผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ โดย ศาสตราจารย์
ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน จบการศึกษาปริญญาตรีด้านสาธารณสุขศาสตร์
เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง มหาวิทยาลัยมหิดล ก่อนจะเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา
และจบการศึกษาปริญญาโทและเอก ด้านสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
สหรัฐอเมริกา

ในอดีต ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน เคยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล , อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
และเคยเป็นอดีตที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และที่ไม่น่าเชื่อก็คือ
ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน เป็นผู้ที่สนใจเรื่องเหนือธรรมชาติ
และการติดต่อมนุษย์ต่างดาว ซึ่งถือว่าเป็นศาสตร์ที่แตกต่างจากด้านการแพทย์ ที่
ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน คร่ำหวอดมาเกือบตลอดชีวิต
อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับการถูกครหาว่า “บ้า” จากสายตาคนทั่ว ๆ ไปด้วย

ทั้งนี้ ความสนใจเรื่อง “มนุษย์ต่างดาว” ของ ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน
เกิดขึ้นหลังจาก ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน ได้เห็นจานบินที่สหรัฐอเมริกา
จนรู้สึกสนใจอยากศึกษาเรื่องนี้ และเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล โดย ศาสตราจารย์ ดร.นพ.
เทพนม เมืองแมน ได้รับคำแนะนำให้ทำสมาธิ เพื่อจะได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว
ตั้งแต่นั้น ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน จึงเริ่มฝึกหัดสมาธิ ฝึกหัดทางจิต

ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน ใช้เวลากว่า 4
ปีนั่งมองท้องฟ้าพร้อมเพ่งกระแสจิตเพื่อติดต่อมนุษย์ต่างดาว
แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน
ก็ไม่ลดละ จนในที่สุด ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน ก็ได้พบจานบินจริง ๆ
และถ่ายภาพไว้ด้วยตัวเอง โดย “มนุษย์ต่างดาว” ที่ ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม
เมืองแมน ติดต่อได้ชื่อ “พาราซิทัล” มาจากดาวอังคาร และชื่อ “เอ็ดดี้”
มาจากดาวศุกร์ ซึ่งอยู่ในมิติที่ 6 จากจักรวาลที่มีอยู่กว่า 100 มิติ
โดยมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ สามารถบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
และเคยเตือนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยมาแล้ว เช่นเรื่องสึนามิ
รวมทั้งเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในปี ค.ศ.2012
และอาจเกิดสึนามิครั้งใหญ่อีกครั้งด้วย

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน ระบุว่า มนุษย์ต่างดาวได้พูดว่า
ที่มาติดต่อยังโลกก็เพื่อช่วยมนุษย์ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากสมาคมระหว่างดาว
เพราะเป็นผู้ที่เห็นแก่ตัวอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
ยังมีมนุษย์ต่างดาวอีกกลุ่มที่หวังจะยึดครองโลก
แต่ยังไม่สามารถทำได้เพราะบนพื้นโลกมีแบคทีเรีย ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ต่างดาวอยู่
ซึ่งหากโลกร้อนขึ้น แบคทีเรียถูกทำลาย
ก็ไม่แน่ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวอาจจะสามารถเข้ามายึดครองโลกได้

และนี่ก็คือเรื่องราวประสบการณ์การพบเจอมนุษย์ต่างดาวของ ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม
เมืองแมน หนึ่งในผู้ที่มีประสบการณ์สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ ปัจจุบัน
ศาสตราจารย์ ดร.นพ. เทพนม เมืองแมน เป็นนายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย
และยังคงจะศึกษาสมาธิและการติดต่อทางจิตต่อไป

ClipMass.com. All rights reserved.

บทสัมภาษณ์ระหว่างนายแพทย์ไทยกับมนุษย์ต่างดาว

( จากดาวอังคารชื่อ ชื่อ พาราซิทัลและดาวศุกร์ ชื่อ เอ็ดดี้)

1.ถาม-(หมอเทพนมฯ) ทำไมท่านจึงมาติดต่อกับผม
เพราะบังเอิญหรือเพราะอะไร?
ตอบ-การมาติดต่อกับท่าน ไม่ใช่เพราะเหตุบังเอิญ
พวกเราติดต่อกับสายพันธุ์เดียวกันเท่านั้นหรือจะเรียกตามภาษามนุษย์ว่า
มีกรรมพัวพันกันก็ได้ มนุษย์ต่างดาวจะมาที่โลกนี้ใน 3 รูปแบบ คือ
ก.)มาในรูปมนุษย์ต่างดาว อย่างพวกเราขณะนี้
ช.)มาในแบบถูกส่งมาจุติให้เป็นมนุษย์
ท่านได้ถูกส่งลงมายังโลกนี้ห้าพันกว่าปีแล้ว
มีหน้าที่ประสานงานระหว่างมนุษย์กับต่างดาว
ค.)วิญญาณของมนุษย์ต่างดาวเข้าสิงอยู่ในตัวมนุษย์

2.ถาม-วิญญาณหรือจิต มีจริงหรือไม่?
ตอบ- วิญญาณ หรือจิต หรือพลังงานชีวิต มีจริง
ในสิ่งที่มีชีวิตทั่วจักรวาล พลังชีวิตนี้ ไม่มีใครทำลายได้
เมื่อมนุษย์ตาย ร่ายกายเน่าเปื่อยไป แต่วิญญาณยังคงอยู่
และจะต้องไปจุติตามการกระทำ หรือกรรมที่ตนทำไว้
อาจไปเกิดเป็นสัตว์ก็ได้ พวกที่เกิดเป็นมนุษย์อีก
มักเกิดใกล้สถานที่ที่กำเนิดในชาติก่อน
มีจำนวนน้อยที่ไปเกิดข้ามทวีป และมีจำนวนน้อยมากอย่างยิ่ง
ที่ไปเกิดในอีกดาวหนึ่ง……

3.ถาม-ท่านนับถือศาสนาอะไร? มีศาสนาแบบมนุษย์ไหม?
ตอบ-พวกเรานับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเหมือนกัน
มีองค์เดียวที่สูงสุด และทุกชีวิตมาจากหนึ่งเดียวนี้
ตามความจริงซึ่งท่านจะได้เรียนรู้และทราบในศตวรรษใหม่ที่จะมาถึง
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ มีพระผู้สร้าง
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอยู่ 1 องค์
ที่สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมาแต่เริ่มแรก
แต่การบริหารจัดการกับสิ่งมีชีวิตต่างๆนั้น
มีคณะกรรมการจัดการระหว่างดวงดาว
ซึ่งบรรดาศาสดาต่างๆของโลกมนุษย์ก็เป็นกรรมการอยู่
ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนทำดี
ไม่ควรมาเปรียบเทียบกันว่าศาสนาของฉันดีกว่าศาสนาของเธอ
เพราะศาสดาทุกท่าน ก็มาจากที่เดียวกันหมด
และถูกส่งลงมาช่วยพัฒนาจิตใจมนุษย์เป็นระยะๆไป…..

4.ถาม-ท่านอายุเท่าใด? และพวกท่านมีตายบ้างไหม?
ตอบ(ท่านพาราซิทัล)-เราอายุหลายพันปี
ตั้งแต่เราเกิดมาจนถึงปัจจุบัน เคยเห็นพวกเราตายแค่ 3 คน
ตายจากอุบัติเหตุยานอวกาศตก ทางด้านโรคต่างๆ
เราสามารถพิชิตได้หมดแล้ว ขอให้ถามท่านเอ็ดดี้
ผู้ตรวจจักรวาลบ้าง
ท่านเอ็ดดี้- ท่านพาราซิทัลพูดถูกต้องแล้ว
พวกเราอายุยืนมาก……

5.ถาม-ขอให้ท่านให้ความกระจ่าง เกี่ยวกับมนุษย์คู่แรกบนโลกนี้ว่า
มาจากไหนกันแน่? มาจากลิงใช่หรือไม่?
ตอบ-มนุษย์ไม่ได้พัฒนามาจากลิงอย่างที่เข้าใจกัน ตามความเป็นจริง
มนุษย์เพศชายคนแรกที่พวกท่านเรียกว่า”อาดัม”นั้น
ถูกสร้างขึ้นมาที่ดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งนอกระบบสุริยะของท่าน
พระผู้สร้างได้ให้พวกเรา นำมนุษย์ผู้นั้นมาไว้ยังโลกนี้
และต่อมาได้สร้างมนุษย์เพศหญิง ที่พวกท่านเรียกว่า “อีฟ”
ขึ้นมาอีกคนหนึ่ง และให้นำมาอยู่ด้วยกัน
จนสืบเชื้อสายมีลูกหลานกันมากมายไปทั่วโลก
พวกเราเปรียบเสมือนบรรพบุรุษของพวกท่านเหมือนกัน
มีหน้าที่คอยดูแลช่วยเหลือพวกท่านอยู่เสมอมา ในระยะ 200
กว่าปีที่ผ่านมา มนุษย์เจริญทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมามาก
แต่ทางด้านศีลธรรม และจริยธรรม กลับพัฒนาได้น้อยมาก
เมื่อมนุษย์ค้นพบพลังงานใหม่ เช่นพลังปรมาณู
ก็นำไปใช้สร้างอาวุธทำลายล้างกัน
แทนที่จะนำไปใช้ในด้านพัฒนาสุขภาพและสันติภาพ……

6.ถาม-ถ้าพระผู้สร้างมีจริง และเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิตขึ้นมาจริงอย่างที่ท่านบอก
สิ่งนี้ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาหรือไม่?
ตอบ- พระผู้สร้าง ได้สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมา
แต่ท่านได้ให้อิสระเสรีภาพกับมนุษย์ทุกคน ที่จะทำดี
หรือทำชั่วก็ได้ หากทำดี ก็ได้รับผบตอบแทนที่ดี ทำชั่ว
ก็ได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดี นับว่ายุติธรรมที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?
ฉะนั้น ไม่ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาเลย และนี่คือ
ความจริงของกฎจักรวาล……..

7.ถาม-สิ่งมีชีวิตในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้
แบ่งเป็นระดับอย่างไรบ้าง? และพวกท่าน(มนุษย์ต่างดาว)เป็นผี
หรือเทวดา หรืออะไรกันแน่?
ตอบ-พลังงานชีวิต หรือจิตวิญญาณในจักรวาลนี้
แบ่งเป็นระดับต่างๆมากมาย จะเรียกว่า “ภพภูมิ” หรือ”มิติ”ก็ได้
มนุษย์อยู่ในมิติที่ 3 มีความกว้าง ยาว ลึก
แต่ไม่สามารถควบคุม”เวลา”ได้
พวกเราอยู่ในมิติสูงกว่าพวกท่านหลายมิติ เราอยู่สูงกว่ามิติ”ผี”
แต่เราก็ยังไม่ใช่พวกเทพ หรือพรหม อย่างที่พวกท่านเชื่อว่ามี
เราเป็น”มนุษย์”อีกชนิดหนึ่ง ที่อยู่ยังดาวดวงอื่น
มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์ และศีลธรรมสูงกว่าพวกท่านมาก ความโกรธ
โลภ หลง ในพวกเรา แทบไม่มีเหลืออยู่เลย
เรามีจิตวิญญาณที่เป็นอมตะแบบพวกท่าน แต่เราก็มี”ร่าง”
ที่ไม่คล้ายกับพวกท่านนัก และมี”ยานบิน”
ที่ทำให้เราเดินทางไปยังดาวต่างๆได้อย่างรวดเร็วกว่าแสง
พวกเราเป็นสมาชิกของสมาคมระหว่างดวงดาว ซึ่งมนุษย์ยังไม่ได้เป็น
แต่คาดว่า
มนุษย์คงสามารถพัฒนาตัวเองให้เข้าเป็นสมาชิกได้ในศตวรรษที่ 21
นี้ หากมนุษย์สามารถลดกิเลส โกรธ โลภ หลง ลงได้
เทวดาและพรหมนั้นมีจริง เราสามารถติดต่อได้ทางจิต
แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน พวกเขามักเรียกพวกเราว่า”มนุษย์พิเศษ”
ส่วนผีนั้น ไม่มีร่างถาวร มีแต่จิต และส่วนมาก
ไม่สามารถออกไปจากโลกนี้ได้เกิน 50 กม.
เพราะมีสิ่งที่บังคับควบคุมไว้
แต่”มนุษย์ต่างดาว”ไม่มีข้อจำกัดนี้……

8.ถาม-มนุษย์ต่างดาว จะมายังโลกนี้
ต้องได้รับอนุญาตจากใครก่อนหรือเปล่า?
ตอบ- มนุษย์พิเศษจากดาวอื่นๆ จะมายังโลกนี้
ต้องขออนุญาตจากสมาคมระหว่างดวงดาวก่อนเสมอ
หรือถูกส่งให้มาช่วยเหลือในบางเรื่อง แต่เมื่อมาถึงโลกนี้
ก็ยังต้องรายงานกับ”ผู้ตรวจโลก”
ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่
มนุษย์ต่างดาวที่แอบมาก็มีเหมือนกัน คือ มาโดยไม่ขออนุญาตก่อน
ส่วนมากพวกนี้เป็นพวก”ไม่ดี” ซึ่งมีอยู่เหมือนกัน
แต่เป็นจำนวนน้อย ปีที่แล้ว มีพวกกลุ่มไม่ดี
ได้แอบเข้ามาในโลกของท่าน ด้วยยานอวกาศลำใหญ่ขณะมิติเปิด
ขณะนี้สำหรับประเทศไทย กลุ่มไม่ดีลอยอยู่ในบริเวณเขาผีปันน้ำ
ในภาคเหนือของประเทศท่าน หากพบยานบินสีดำ อย่าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
อันตรายมาก……

9.ถาม-มนุษย์ต่างดาวเช่นพวกท่าน หน้าตาคล้ายพวกเราไหม?
หายใจด้วยออกซิเจนหรือไม่? กินอาหารและขับถ่ายอย่างไร?
ตอบ-ผู้ที่มาจากดาวดวงอื่น ที่มีหน้าตาคล้ายมนุษย์มากที่สุด คือ
พวกที่มาจากกลุ่มดาวลูกไก่ และดาวพระศุกร์
เราจากดาวอังคาร(ท่านพาราซิทัล) หน้าตาไม่เหมือนพวกท่าน
ตาจะใหญ่ดำ คางแหลม แบบในรูปที่ท่านวาดไว้ สูงกว่ามนุษย์ มือมี 3
นิ้ว และไม่มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิง แต่รู้ว่าใครเป็นเพศชาย
เพศหญิง มนุษย์ต่างดาวเพศชาย มักตัวโตกว่าผู้หญิง
เราไม่หายใจด้วยออกซิเจน แต่หายใจด้วยคาร์บอนไดออกไซด์
ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว เรามีปากเล็กๆ จมูกเล็กๆ
ไม่กินอาหารเหมือนพวกท่าน เรากินพลังงานชนิดหนึ่ง
กินหนึ่งครั้งอยู่ได้หลายเดือน เราไม่มีกระเพาะอาหาร ลำไส้
ทวารหนัก
ฉะนั้นพวกเราไม่ต้องขับถ่ายทั้งหนักและเบาระหว่างเดินทางในอวกาศ
ความแตกต่างเหล่านี้ เป็นของธรรมดา “ท่านเอ็ดดี้”
ก็หน้าตาเป็นสี่เหลี่ยม ตากลมใหญ่ แปลกไปจากเราอีก
แต่เขาใจดีมากนะ หน้าตาแตกต่างกัน
ไม่ได้หมายความว่าคุยกันไม่ได้…..

10.ถาม- ผมอยากถามว่า มาตรฐานของดาวอังคาร ดูเพศชายว่าหล่อ
หรือเพศหญิงว่าสวย เหมือนมนุษย์ดูหน้าตาและรูปร่างหรือเปล่า?
ตอบ- ไม่ใช่เลย ความหล่อและความสวย ไม่มีความสำคัญในโลกของเราเลย
เราดูความ”งาม”ของเพศตรงข้าม คือ ก.)ดูว่ารัศมีออร่า
ที่ออกมารอบตัวและศีรษะของเขา เป็นสีที่บริสุทธิ์ เช่น
สีขาวมากน้อยแค่ไหน? ข.)ดูที่ความคิดอ่านของเขา เวลาเขาคิด
ก็ออกมาเป็นคลื่นไฟฟ้า ให้พิจารณาได้แล้วว่า คิดดี
คิดบริสุทธิ์หรือไม่? ถ้าคิดดี คิดถูกต้อง
วาจาและการกระทำที่ตามมาก็จะดีตาม พวกเราถือสัจจะสำคัญกว่าชีวิต
ไม่มีการพูดปดกันหน้าตาเฉย อย่างในโลกมนุษย์เลย เพราะหากพูดปด
อีกฝ่ายก็ทราบทันที และตัวเองก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นเลย…….

11.ถาม-พวกมนุษย์สงสัยว่า ถ้าท่านไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์
ท่านมีลูกกันได้อย่างไร? แต่งงานกันหรือไม่?
ตอบ- พวกเราเคยมีอวัยวะสืบพันธุ์ ตั้งนมนานมาแล้ว
แต่หลังจากมีการพัฒนาทางด้านโคลนนิ่งมากเข้า
เพศหญิงไม่ต้องอุ้มท้อง 9 เดือน แบบผู้หญิงของท่าน
เพราะไม่ยุติธรรมต่อเพศหญิง เมื่อพัฒนาโน่นนี่กันมากขึ้น
อวัยวะเพศก็หย่อนความสำคัญลงไป ไม่ค่อยได้ใช้กันบ่อย
ขณะนี้ถ้าเราชอบพอกัน อยากไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
เราก็มีพิธีแต่งงานง่ายๆ มีคล้ายพระ ทำพิธีให้ และไปอยู่ด้วยกัน
มีบ้านที่รัฐบาลสร้างไว้ให้แล้ว เมื่ออยากมีลูกกัน ทั้ง 2
คนก็ยืนจ้องตากัน เอา 2 มือแตะกัน “ปิ๊ง”เดียว
ลูกตัวเล็กๆก็ลอยลงมาในแคปซูลน้อยๆ และก็เลี้ยงให้โตขึ้นมา
ต้องไปเข้าโรงเรียนด้วย คล้ายของมนุษย์ ทุกครอบครัวถูกกำหนดว่า
มีลูกได้ไม่เกิน 2 คน หากมีเกิน 2 คน จะถูกลงโทษ คือ ตายไปแล้ว
ไม่ได้เกิดอีกเลย ซึ่งทุกคนกลัวมาก บางดาวแค่จ้องตากัน
ก็มีลูกได้แล้ว แปลกไหม? ต่อไปโลกของท่าน
อาจเป็นแบบของเราก็ได้……..

12.ถาม-โลกดาวอังคารของท่าน ทำไมสหรัฐอเมริกา ส่งจรวดไปแล้ว
ไม่เจอผู้คนเลย และท่านมีระบบการปกครองอย่างไร?
ตอบ-โลกของเรา เคยมีบรรยากาศ มีน้ำ เช่นโลกของท่าน
แต่พวกเรากันเอง ก็ทำลายสิ่งแวดล้อมจนหมดสิ้น และทำสงครามกันด้วย
คนต้องหนีลงไปอยู่ใต้ดินสำหรับผู้ที่รอดตาย
เราอยู่ลึกลงไปหลายกิโลเมตร เรายังใช้ระบบบการปกครอง
ที่มีหัวหน้า คล้ายพระเจ้าแผ่นดิน ทุกคนก่อนเกิด
ถูกกำหนดไว้แล้วว่า ต้องเกิดมาเป็นเพศอะไร?
และโตขึ้นทำอาชีพอะไร? เช่น เราถูกกำหนดให้เกิดเป็นทหาร
จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ โลกของท่านดีกว่า
ที่เกิดแล้วเลือกเรียนอะไรก็ได้ตามใจชอบ จะเป็นคนดีหรือคนชั่ว
ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง โลกของเราต้องเป็นคนดีเท่านั้น
เป็นคนเลวไม่ได้ คนเลวจะถูกกำจัดออกไปทันที
และไม่ได้เกิดอีกเลย……

13.ถาม-โลกของท่านมีนรกและสวรรค์ไหม?
และการกลับชาติมาเกิดมีจริงหรือไม่?
ตอบ-ในระบบสุริยะของพวกเรา ในทางช้างเผือก
มนุษย์เป็นดาวนพเคราะห์ดวงเดียว ที่มีทั้งนรกและสวรรค์
ดาวนพเคราะห์อื่นๆไม่มี เพราะเขาทำดีกันหมด ไม่มีคนทำชั่ว
ที่ต้องถูกไปลงโทษในนรก แต่โลกของท่าน ก็มีดี
ที่ตายไปแล้วได้เกิดอีก ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่าน ถ้าท่านทำดี
ชาติต่อไป ก็ดีขึ้นกว่าเดิม หากทำชั่ว ก็ตกนรก
หรือเกิดเป็นสัตว์ หรือมนุษย์ที่แย่กว่าเดิม การกลับชาติมาเกิด
มีจริง ส่วนมากจะเวียนว่ายตายเกิดในโลกของตัวเอง
บางคนอาจจะเกิดข้ามดาว แต่มีน้อยมาก ที่จะทำได้เช่นนั้น
ต้องพิเศษจริงๆ…..

14.ถาม-ผมมีรูปถ่ายจากแฟ้มลับของเคจีบี ที่เพิ่งเปิดเผย
อ้างว่าเป็นภาพจานบินตกในรัสเซีย ราว 40 ปีมาแล้ว
และมีมนุษย์ตัวเล็กๆสีเขียวตายอยู่ในนั้น และเขานำมาผ่าศพดู
ท่านดูแล้วคิดว่าภาพเหล่านี้เป็นของจริงหรือภาพหลอกลวง?
ตอบ-จานบินตกทั่วโลกมาแยะแล้ว ในรัสเซีย ในจีนก็ตกหลายครั้ง
ในประเทศไทยของท่าน ก็ตกที่ อ.สันกำแพง จ.เชีงใหม่ ในปี ค.ศ.1958
ท่านเอ็ดดี้รู้ดี เพราะรอดมาได้ รูปที่รัสเซียเปิดเผยนั้น
เป็นรูปจริง มนุษย์ต่างดาวตัวเล็กๆเขียวๆ มี 4 นิ้ว
ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเขามาจากดาวดวงอื่น
จะให้รูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ คงเป็นไปไม่ได้
น่าสงสารเขานะ…..

15.ถาม-เพื่อนของผม ถ่ายภาพมนุษย์มีแสงออกมาจากตัว ที่ อ.บ่อพลอย
จ.กาญจนบุรี เมื่อเดือนมีนาคม 2542 เวลากลางคืน ท่านบอกได้ไหมว่า
เขาเป็นชาวบ้านหรือมนุษย์ต่างดาว หากเป็นมนุษย์ต่างดาว
เขามาทำไมในป่าทึบ?
ตอบ- ผู้ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีแสงออกมาจากตัว
ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน จ.กาญจนบุรี เป็นพื้นที่ที่มิติเปิด
คล้ายสามเหลี่ยมเบอมิวดา และบรรดายานอวกาศต่างๆ
สามารถผ่านเข้า-ออกได้ง่าย นอกจากนี้
ยังเป็นแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ที่มีแร่ธาตุหายาก
ที่ใช้ในการเดินทางในอวกาศ เราเคยบอกท่านแล้ว
เกี่ยวกับแร่ธาตุชนิดนี้
ว่าคล้ายแร่ธาตุที่ท่านเรียกว่า”เหล็กไหล”ไงล่ะ เราจะไม่บอกว่า
เขามาจากที่ไหน บอกแต่เพียงว่า
เขาไม่ใช่มนุษย์และไม่ใช่ผี!!!……

16.ถาม-เมื่อ 6 สิงหาคม
2542ผมได้รับเชิญจากองค์การนาซ่าและInternational Space
University ประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งมาจัดประชุมอยู่เงียบๆอยู่ที่มหาวิทยาลัยสุรนารี
ให้ไปพูดถึงเรื่อง”การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยูเอฟโอ
และผู้ขับขี่ยานบินในประเทศไทย พ.ศ.2540-2542″
และได้รับคำชมเชยจากฝรั่งนักวิชาการ 300 กว่าคนว่า
ทำวิจัยได้ดีมาก
ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องที่นาซ่าคิดจะไปยึดดาวอังคารทำเหมืองแร่
และส่งคนไปอยู่ 50,000 คน ใน 20 ปีข้างหน้านี้
และทำไมจานบินของท่านมาแล้ว
ไม่ยอมบินลงมาต่ำตามที่ขอร้องให้ฝรั่งเห็นทั่วกัน?
ตอบ-เราไปฟังอยู่ตลอดเวลา และไม่พอใจอย่างมาก
ที่เขาคิดจะไปยึดดินแดนที่มีเจ้าของแล้ว
เช่นที่เคยทำมาในโลกนี้ในอดีต ขอบอกสั้นๆว่า หากรบกัน
ก็ไม่มีทางสู้พวกเราได้ ขอให้บอกแก่พวกเขา 3 ข้อ คือ
1)จานบินและมนุษย์ต่างดาวนั้น มีจริง และได้มาเยือนโลกนี้
เป็นเวลานานหลายพันปีแล้ว มนุษย์เปรียบเสมือนลูกหลานของเรา
2)มนุษย์ต่างดาว ไม่ต้องการมายึดครองโลกนี้ ในทำนองเดียวกัน
มนุษย์ก็ไม่ควรคิด จะไปยึดครองดวงดาวของเรา เพราะมีเจ้าของแล้ว
และไม่มีทางสู้เราได้
3)ขอให้มนุษย์ใช้สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาโลกนี้ดีกว่า
รวมทั้งเตรียมรับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้ในปีหน้า(ค.ศ.2000
หรือ พศ.2543)
ยานอวกาศของเรา ได้บินไปให้ท่านและบางคนเห็นแล้ว
เราไม่บินลงต่ำ
เพราะคิดว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกที่คิดจะไปยึดดาวของเรา…..

17.ถาม- เมื่อ 19 มีนาคม 2539 มีผู้ถ่ายภาพประหลาดได้
ที่พระเมรุพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี
แสงนั้นเป็นแสงอะไร?(จะนำลงภาพปาฏิหาริย์ในเว็บฯนี้ต่อไป-Webmaster)
ตอบ-ขอตอบสั้นๆว่า กลุ่มเทพชั้นสูงมาแสดงคารวะต่อพระบรมศพ
ไม่ใช่จานบินมาอย่างที่เข้าใจกัน…..

18.ถาม-ผมได้รับเชิญให้ไปพูดในสัปดาห์วิทยาศาสตร์ของ
ม.สงขลานครินทร์ เมื่อ 19 สิงหาคม 2542
ซึ่งท่านได้สั่งให้ผมไปพูดเตือนชาวใต้เกี่ยวกับปี 2000
แต่ทำไม”จานบิน” ไปปรากฏที่อ่างเก็บน้ำของ ม.สงขลาฯ ทุกคืน
เป็นเวลาถึง 10 วัน ก่อนผมไปถึง
ผมไม่ได้ร้องขอมากเพียงนั้น……..
ตอบ-เราเป็นห่วงชาวใต้ของท่านมาก เกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
จึงไปหลายครั้ง ในปีหน้า เราจะพยายามช่วยให้หนักกลายเป็นเบา
ได้ขอให้ท่านพูด อย่าให้เขาตกใจกลัว จนขาดสติ ที่บอกเขาว่า
ให้ช่วยเหลือกัน มีความเมตตากรุณาต่อกันมากขึ้นนั้น ดีแล้ว
ให้หมั่นสดับรับฟังข่าวสารต่างๆอยู่เสมอ รู้จักที่ๆปลอดภัย
หากเกิดภัยพิบัติ อย่าประมาท เราหวังว่า
ทุกท่านจะปลอดภัยในปีหน้า 2543 ส่วนคืนวีนที่ 19 สิงหาคม 2542
อากาศไม่ดี เราบินกันมา 3 ลำ ในระยะสูง แต่ให้ท่านถ่ายภาพได้ชัดๆ
ตั้งแต่หัวค่ำแล้วไม่ใช่หรือ?
ที่ดูคล้ายดวงอาทิตย์นั่นแหละ……

สรุปว่า ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนกันยายน 2542
ขณะเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ผู้เขียนได้ติดต่อกับท่านพาราซิทัล
และท่านเอ็ดดี้เป็นประจำ เดือนละ 1-2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย
ซึ่งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2542 ยูเอฟโอ
ได้มาปรากฏให้เห็น เวลา 20.15 น.ที่เหนือบ้านผู้เขียนใน กทม.
มีผู้พบเห็น และถ่ายภาพได้จำนวนมาก ซึ่งจากการสื่อด้วยโทรจิต
พวกเขาบอกว่า
บินผ่านทางจึงแวะลงมาเยี่ยมเยียน……สิ่งที่นำมาเล่าให้ฟัง
เป็นสิ่งที่ได้รับสื่อทางจิต จากผู้ที่อ้างว่าเขามากับยานบิน
และยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่ผู้เขียนได้จดบันทึกไว้
อย่างที่บอกกับท่านผู้อ่านไว้แล้วว่า
สิ่งที่เล่ามาให้ฟัง ไม่เป็นวิทยาศาสตร์
เพราะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน
เหมือนกับการถ่ายภาพยานบินได้ ก็ได้แต่บันทึกไว้
และรอเปรียบเทียบกับความจริงต่างๆ ที่จะค่อยเผยออกมาทีละน้อยๆ
ในอนาคตอันใกล้นี้ “ความจริงเท่านั้น
ที่จะช่วยให้มนุษย์เราหลุดพ้นจากความโง่เขลาทั้งปวง”…….

http://www.buddhapoem.com

Leave a comment

Filed under ข่าว สาระรอบตัว

ทำที่ใหม่แ้ล้ว

รอผ่านโปรครับ ตอนนี้อยู่แถวพระราม 3 กำลังหาที่อยู่ใหม่ งานก็ไม่หนักเหมือนที่คาด โรงงานผลิต เครื่องประดับส่งต่างประเทศ พอใหวอยู่ Transection ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อารมณ์ประมาณ วางของหนักลงกับพื้นแล้ว ไปศึกษาภาษาอังกฤษ อย่างที่ปรารถนา แต่ยอมรับตัวเองมีโครงการในหัวเยอะจนเหนื่อย กำลังทำตัวเป็นหุ่นยนต์ จะได้แบ่งเวลาไม่ตามกิเลสตัวเอง

Leave a comment

Filed under ข่าว สาระรอบตัว